Young Thailand Start Up : เว็บไซน์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย

Young Thailand Start Up : เว็บไซน์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย
1.วิธีการทำ E-Marketing
1.1 การวางแผนการดำเนินงานและการวางแผนการตลาด
กำหนดลูกค้า ซึ่งจะประกอบด้วย 2 กลุ่ม
            

            คือ กลุ่มที่เป็นนักสร้างสรรค์ผลงาน ได้นำผลงานที่จะสร้างสรรค์มานำเสนอเพื่อหาผู้สนับสนุน ในรูปแบบ Crowd funding เพื่อหาเงินทุน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้การสร้างสรรค์ผลงานต่าง ให้เกิดขึ้นได้จริงโดยสามารถส่งผลงานได้ไม่จำกัด และ มีหลากหลาย หมวดหมู่ ให้ส่งผลงานมาได้ ได้แก่ ศิลปะ(Art) งานออกแบบ(Design) ดนตรี(Music) การถ่ายภาพ(Photography) หนังและวีดีโอ(Film&Video) แฟชั่น(Fashion) เกมส์(Game) การเต้น(Dancing) การ์ตูน(Comic) ซอฟแวร์(Software) และ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology&Innovation) และจะมีหมวดหมู่อื่นๆเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสมตามความต้องการของตลาด
            อีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งเป็นผู้ที่ช่วยสนับสนุนเงินทุนเพื่อให้โปรเจคนี้เกิดขึ้นได้จริงขึ้นมา ซึ่งผู้คนที่ชอบโปรเจคนี้และช่วยจ่ายเงินสนับสนุนเงินทุน โดยเงินทุนสนับสนุนนี้จะเป็นแบบ All-or-Nothing (ได้ทั้งหมด หรือไม่ได้เลย และคืนเงินแก่ผู้สนับสนุน) โปรเจคจะต้องมีเงินสนับสนุนถึงตามเป้าหมายที่กำหนด และภายในเวลาเดทไลน์ ก็จะได้เงินทุนทั้งหมดนี้เพื่อนำไปดำเนินงานโปรเจคให้เกิดขึ้นจริง การกำหนดการได้รับทุนแบบ All-or-Nothing แบบนี้เหมือนจะยาก แต่ก็เป็นความท้าทายและเป็นการวัดโมเมนตั้มที่มีประสิทธิภาพจากคนทั่วไปว่าโปรเจคนี้น่าสนใจหรือไม่

            ซึ่งการสนับสนุนอาจจะแค่ไม่ใช่เพื่อให้ได้ผลกำไรตอบกลับมาแต่อาจจะรวมถึง ผู้สร้างสรรค์ผลงานอาจมอบสิ่งตอบแทนกลับให้แก่ผู้สนับสนุน เช่น กำไรส่วนแบ่ง หรือรูปแบบอื่นๆ เช่นนักประดิษฐ์ อาจมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสิ่งประดิษฐ์ หรือ มอบสิ่งประดิษฐ์ให้กับผู้สนับสนุน นักดนตรี อาจใส่ชื่อผู้สนับสนุนลงในปกอัลบั้ม หรือมอบอัลบั้มที่สำเร็จให้แก่ผู้สนับสนุน, ผู้กำกับภาพยนตร์ อาจมอบวีดีโอเบื้องหลังการถ่ายทำให้แก่ผู้สนับสนุนเป็นต้น





            ส่วนทางเว็บไซด์จะได้รับรายได้ เมื่อถ้าหากการระดมเงินทุนสำเร็จเราจะหักเงินเพียง 5% จากเงินทุนทั้งหมดที่ได้รับการสนับสนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องต่างๆของเว็บไซด์นี้ และลูกค้าจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หากการระดมทุนไม่สำเร็จ
1.2. การจัดตั้งและจัดสร้างเว็บไซด์
            จำเป็นต้องใช้เวลาและเงินลงทุนในการทำเว็บไซด์รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการดูแลทั้งเว็บไซด์ การเงิน การดูแลผู้ใช้งานและดูแลบำรุงระบบ และช่วยในการโปรโมตไปยังที่ต่างๆเพื่อให้โปรเจคต่างๆกระจายไปได้เร็ว โดยจำต้องมีการกำหนด Organization Chart และ Manpower ที่ใช้ในการดำเนินการ เพื่อนำมาคำนวณค่าใช้จ่ายโดยรวม
1.3. การจัดสร้างเว็บไซด์
            ต้องดำเนินการทำการจดทะเบียนพาณิชย์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง และแสดงข้อมูลว่าเป็นเว็บไซด์ Crowd Funding หรือเว็บไซด์ในการระดมทุนในประเทศไทย ในส่วนของการจ่ายเงิน จะเป็นการส่งเงินจากบัญชีผู้สนับสนุนไปสู่บัญชีของผู้สร้างโปรเจคโดยตรงเมื่อโปรเจคสำเร็จและส่งเอกสารยืนยันตามที่ทางเว็บไซด์เรียกเก็บ โดยที่ระหว่างการระดมทุน เงินของผู้สนับสนุนจะยังอยู่ภายในบัญชีของผู้สนับสนุน ไม่ต้องผ่านบัญชีของเว็บไซด์ก่อน ทำให้ผู้สนับสนุนมั่นใจได้ว่า เงินที่ผู้สนับสนุนบริจาค จะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆที่ไม่ใช่การสนับสนุนโปรเจคโดยทางเวปไซด์เอง นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ด้วยว่า หากการระดมทุนสนับสนุนโปรเจคไม่สำเร็จ จะไม่มีค่าธรรมเนียมในการโอนเงินไปกลับไปมา เพราะเงินยังคงอยู่ในบัญชีของผู้สนับสนุน การชำระเงินหากเป็นการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น PAYPAL จะต้อง มีระบบรับรองความปลอดภัยรองรับ เว็บไซด์ต้องเป็น https://  เพื่อให้ผู้สนับสนุนและผู้ขอรับการสนับสนุน มั่นใจ
1.4. การจัดทำ Content, Design, Layout
            การจัดทำเว็บไซด์ต้องประกอบไปด้วย เนื้อหา หรือ Content หลักๆได้แก่
            1.4.1.การอธิบายเกี่ยวกับเว็บไซด์ Satrt Up ระดมทุน ว่าคราวด์ฟันดิ้ง (crowdfunding) คืออีกหนึ่งช่องทางในการหาทุนสำหรับการทำโปรเจคผ่านการระดมทุนจากกลุ่มคนที่สนใจและเชื่อมั่นในไอเดียเดียวกัน
            1.4.2.อธิบายขั้นตอนการระดมทุนสำหรับผู้ขอรับการสนับสนุนและผู้ที่สนับสนุน ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
            1.4.3.อธิบายขั้นตอนระหว่างการระดมทุน เช่น % ยอดที่ตั้งเป้า ยอดเงินและ % ที่สนับสนุน ณ ปัจจุบัน  ระยะเวลาที่เหลือสำหรับการสนับสนุนการระดมทุน
            1.4.4.การชี้แจงเงื่อนไขการตอบแทนในแต่ละโปรเจค เช่นเป็น % ,ของต้นแบบ เครดิต หรืออื่นตามที่ผู้ขอการสนับสนุนระบุตอนเริ่มโปรเจคการระดมทุน
            1.4.5.การกำหนดระยะเวลาในการระดมทุนต้องมีความเหมาะสมกับโปรเจ็คไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป หรืออาจจะสิ้นสุดเมื่อยอดระดมทุนครบหรือเกินกว่า 100%
            1.4.6.เมื่อผู้สนับสนุนไอเดียช่วยกันระดมทุนจนถึงเป้าหมายครบ 100% ไม่เพียงแต่ผู้สนับสนุนจะได้รับของตอบแทนตามเงื่อนไขเท่านั้น แต่ไอเดียจะได้รับการต่อยอดให้เป็นจริงด้วยทุนสนับสนุนที่ช่วยกันระดมทุน เท่ากับว่าการคราวด์ฟันดิ้งในแคมเปญนั้นประสบความสำเร็จ
            1.4.7.ส่วนแสดงโปรเจคที่เกี่ยวข้อง โปรเจคที่สำเร็จผลไปแล้วเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซด์ รวมถึงการติดตามผลการระดมทุนที่สำเร็จแล้ว
            1.4.8.ส่วนที่เริ่มแคมเปญหรือโปรเจคการระดมทุนใหม่ ซึ่งต้องเห็นเด่นชัดสะดุดตา เพื่อง่ายและสะดวกในการดำเนินการโปรเจค
            1.4.9.ส่วนของทีมงานซึ่งอาจจะเป็นมีดารา เซเลบ เพิ่มเติม หากการระดมทุนนั้นๆเป็นลักษณะของการการระดมทุนเพื่อสาธารณะกุศล
            1.4.10 ระบบการช่วยเหลือแก่ลูกค้าหากกรณีที่ลูกค้ามีข้อสงสัยหรือปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการ
            1.4.11 ระบบคัดกรองความน่าเชื่อถือทั้งผู้ขอรับบริจาคและผู้บริจาค เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิด
            1.5. การทดสอบการดำเนินการ/การดำเนินการจริง
            

            เป็นขั้นตอนในการทดสอบก่อนการดำเนินการจริงในส่วนของความถูกต้องในส่วนต่างๆทั้งระบบ เพื่อลดข้อบกพร่องหรือปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หลังจากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการทำงานจริงๆ โดยจะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงแรกๆเพื่อสังเกตและประเมินผลที่เกิดขึ้น
            1.6. วิเคราะห์ผลรายงาน
            

            เป็นการนำผลที่ได้ตั้งแต่จากการทดสอบ จนถึงการใช้งานเว็บไซด์จริงๆมาประมวลผลว่าผลการดำเนินการเป็นอย่างไร มีจุดไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ กลุ่มลูกค้าทั้งสองกลุ่มเป็นอย่างไรบ้าง
1.7. ปรับปรุงรูปแบบ กลยุทธ์ ปรับปรุงรูปแบบ กลยุทธ์
            

เป็นขั้นตอนที่ได้จากการวิเคราะห์ผลรายงานเพื่อไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ให้ดีขึ้น รวมถึงประกอบการวางแผนกลยุทธ์ การทำตลาด การปรับปรุงรูปแบบ การหาช่องทางใหม่ๆเพิ่มเติม

2.แนวทางในการทำ SEO : Young Thailand Start Up
 การทำ SEO : Young Thailand Start Up

ขั้นที่ 1 ให้วางแผนการเขียนบทความ และคิด Keyword ของการทำเวปไซด์
1.1   วางเป้าหมายชัดเจนว่าจะทำเวปไซด์เสนอเกี่ยวกับการระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย ในลักษณะของการมีผู้ขอสนับสนุนและผู้สนับสนุน ในลักษณะ คราวด์ฟันดิ้ง

1.2  เขียน Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่วางเป้าหมายออกมาให้ได้อย่างน้อย 10 คำ 
      และควรเป็นคำที่คนนิยมค้นหาใน Google ด้วย  ได้แก่
Main Keyword:การระดมทุน,คิดหาเงินออนไลน์,ความคิดระดมทุน,ระดมทุนได้ง่าย 
 ระดมทุนออนไลน์,คราวด์ฟันดิ้ง, บริจาค,บริจาคออนไลน์, การให้, ระดมทุน,ร่วมลงทุน,หุ้นส่วน
Niche Keyword : เทใจ,กิจการเพื่อสังคม,โครงการเพื่อสังคม,ชุมชนการให้,สังคมที่ดีขึ้น,ผู้ให้,ผู้รับ,​ร่วมใจ,ร่วมกันทำให้สังคมดีขึ้น,ไอเดีย,เชื่อมโยงผู้ให้,

ขั้นที่ 2 จดโดเมน Domain Name ให้เป็นมิตรกับ SEO
            อาจจะจดในลักษณะทับศัพท์แล้วจดในภาษาไทยเช่น KarnRadomtoon.com แล้วจดภาษาไทยว่า การระดมทุน.com อีกด้วยเพื่อประโยชน์ทางด้าน SEO เกี่ยวกับชื่อเว็บไซด์
 ขั้นที่ 3 ปรับ Onpage SEO
            Onpage SEO คือปรับแต่งองค์ประกอบภายในเวปไซต์เพื่อให้ Bot เข้าถึงข้อมูลในเวปไซต์ได้ง่าย
และเข้าใจข้อมูลในเวปไซต์ได้ง่าย ดังนี้
3.1 รู้จักกับ meta tag และใส่ให้ถูกต้อง
3.2 พยายามติดตั้ง gadget เท่าที่จำเป็น และพยายามทำให้โหลดหน้าแรกของเวปไซด์ได้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  หากช้าผู้ใช้งานเว็บไซด์อาจเปลี่ยนใจไม่เข้าสู่เว็บ เพราะการที่หน้าเวปไซต์โหลดได้ช้า จะแสดงให้เห็นถึงความเสถียรมีน้อย ทำให้คะแนน PR น้อย และ Bot เก็บข้อมูลบนหน้าได้น้อย ทำให้เราเสียโอกาส ในการทำอันดับในกูเกิลเซิร์ซ
3.3  พยายามเลือกแม่แบบที่บทความอยู่ซ้ายสุด เพราะ Bot จะเก็บข้อมูลจากซ้ายไปขวา ดังนั้นการเลือกเทมเพลทและเลเอ้าท์ของเว็บไซด์มีส่วนสำคัญและนอกจากนี้คนไทยอ่านหนังสือจากด้านซ้ายไปยังด้านขวาทำให้อ่านเนื้อหาและเมนูภายในเว็บได้ง่าย
3.4  พยายามหลีกเลี่ยงการมีลิงค์ออกไปยังเว็บไซด์อื่นๆเพราะจะทำให้ Bot วิ่งไปที่อื่นเร็วเกินไปและเสียคะแนน PR ด้วย 
3.5 ควรปรับเปลี่ยนในส่วนของ title ให้เป็นคีย์เวอร์ดที่เราต้องการ เช่น ถ้าเราต้องการให้เวลาผู้คนค้นหาคำว่า การบริจาคหรือการระดมทุน และเจอเว็บเราเราก็จะต้องตั้ง title ว่า 
บริจาคหรือการระดมทุน หากต้องการมากกว่า1คำให้กดเว้นวรรค1ครั้งแล้วพิมคำต่อไป โครงสร้างจะเป็นแบบนี้<title>keyword1 keyword2 keyword3</title>
3.6 ปรับเปลี่ยนในส่วนของ keyword ให้เหมือน title ครับ ถ้าเราตั้ง keyword บริจาคหรือการระดมทุน เราก็ต้องใช้ keyword ว่าบริจาคหรือการระดมทุน ส่วนโครงสร้างการใส่ ตามนี่เลยครับ <meta name="keywords" content="keyword1 , keyword2 , keyword3 , keyword4, keyword 5 ">

3.7 ใส่รายละเอียดหรือ description ลงไปด้วย ตรงนี้ควรให้ความสำคัญเท่าๆกับ title และ keyword เพราะว่าในส่วน description นั้นจะทำให้ผู้ชมทราบถึงรายละเอียดของเว็บไซต์หรือสินค้าของท่านได้และอาจทำให้สินค้าและบริการของท่านมีคนซื้อหรือคนสนใจ มากขึ้นด้วยครับตั้งอย่างเช่น หากมีคนค้านหาในกู้เกิลว่า บริจาคหรือการระดมทุน และเจอเว็บท่านอยู่ลำดับ 2 โดยที่ลำดับ 1 นั้นอาจมีการปรับแต่งหรือbacklink ดีกว่า  บอกแต่เว็บในส่วนรายละเอียดของเว็บไซต์ของเขานั้นไม่ดีและสู้ของท่านไม่ได้เช่นของเขาอาจไม่ได้ปรับแต่งไว้ ในส่วน รายละเอียดอาจเป็น หน้าหลัก สินค้า ติดต่อเรา (สมมุตินะครับ)แต่ของเรานั้นใส่ description หรือ รายละเอียดลงไปว่า บริจาคหรือการระดมทุน คนก็จะเลือกเข้ามาที่เว็บเรามากกว่าเนื่องจากรายละเอียดของเว็บไซด์เรานั้นตรงกับที่เขาต้องการ โครงสร้างมีดังนี้ <meta name="description" content="รายละเอียดของเว็บไซต์
สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย ">


3.8 ควรมีคำใน title ให้มากที่สุด เช่นการระดมทุน การบริจาค การสนับสนุน ทุน ให้เยอะที่สุด แต่ไม่ควรพิมพ์คำว่า การระดมทุนในหน้าเว็บเพจหลายๆคำแบบ ไม่มีความหมายนะครับเพราะมันผิดกฏของsearch engine อาจทำให้เว็บค้นหาไม่เจอใน google ได้



ขั้นที่ 4   การเขียนบทความให้ถูกหลัก SEO
การเขียนบทความแต่ละบทความให้ทำเช่นนี้กับทุกบทความ
4.1 การตั้งชื่อบทความแต่ละบทความควรให้มี keyword การระดมทุน การบริจาค การสนับสนุน ทุน สอดแทรกเข้าไปทุกครั้งที่ทำได้ อย่าตั้งชื่อบทความแบบตามใจตัวเอง เพราะ Bot ของ Search Engine
จะตีความ main idea ของบทความได้ยาก
4.2 ควรศึกษาเทคนิคการตั้งชื่อบทความให้ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษก่อนแล้วเปลี่ยนเป็นภาษาไทยจากบทความ เพื่อให้ URL ของแต่ละบทความดูมีความหมายมากขึ้นเป็นผลดีกับการทำ SEO มากขึ้น
4.3 อักษร 1000 ตัวแรกของบทความควรจะมี Keyword การระดมทุน การบริจาค การสนับสนุน ทุน ยิ่งทำเป็นตัวหนาหรือทำเป็น Anchor text ยิ่งดี
4.4 บทความนั้นเขียนการระดมทุน การบริจาค การสนับสนุน ทุน คำว่า การระดมทุน การบริจาค การสนับสนุน ทุน ควรจะต้องกระจายอย่างหนาแน่นในบทความ เพื่อให้ bot ของ Search Engine เข้าใจว่าบทความนั้นเกี่ยวกับเรื่องการระดมทุน การบริจาค การสนับสนุน ทุน
4.5 การเขียนบทความพยายามควรหลีกเลี่ยงลิงค์ออกไปภายนอก แต่ก็ใส่ได้บ้างเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บอทสามารถออกไปที่เว็บไซด์อื่นได้บ้าง 
4.6 ถ้าในบทความมีการคัดลอกข้อความ หรือรูปมาจากที่อื่น ๆ ควรให้เครดิตกับแหล่งที่มาด้วย
4.7 ถ้าในบทความของคุณมีรูปภาพควรใส่โค้ด alt='<span style="color: #ff0080;">keyword</span>' ลงไปในโค้ดของรูปภาพด้วย ซึ่ง Keyword จะต้องเน้นเกี่ยวกับ การระดมทุน การบริจาค การสนับสนุน ทุน
เพราะ Bot ของ Search Engine ไม่รู้จักรูปภาพ ดังนั้นถ้าเราใส่ keyword ลงไปก็จะได้ประโยชน์ในการทำให้ keyword มีอันดับในการ Index ดีขึ้นอีกด้วย  
4.8 ถ้าในบทความมี Keyword การระดมทุน การบริจาค การสนับสนุน ทุน  หลักแทรกอยู่ให้พยายาม ทำ Keyword นั้นให้เป็น Link โดยลิงค์ไปยังบทความในเวปไซด์ของเราที่เกี่ยวข้องกับคำนั้น ๆ เรียกการทำแบบนี้ว่า Link ภายใน
ขั้นที่ 5 Submit บทความกับ Social Bookmark หรือ Pligg

เมื่อเราเพิ่งสร้างเวปไซด์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทยเสร็จแล้ว แน่นอนว่าข้อมูลในเวปไซด์จะยังไม่ถูกเก็บข้อมูลไปจัดอันดับในผลการค้นหา หรือพุดกันง่าย ๆ ว่ายังไม่ index  ดังนั้นจะต้องทำให้ bot ของ Search Engine มาพบเวปไซด์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทยให้ได้  ซึ่งทำได้ง่าย ๆ คือนำเวปไซต์ไป Submit กับ Social Bookmark หรือ Pligg เว็บจำพวก Social Bookmark หรือ Pligg จะมีการเพิ่มของข้อมูลอยู่แทบจะตลอดเวลา bot ของ Search Engine จะเข้ามาเก็บข้อมูลบ่อยมาก และเมื่อพบบทความที่เรานำไป Submit เอาไว้ Bot ก็จะวิ่งเข้ามาเก็บข้อมูลในเวปไซต์ของเราอีกต่อหนึ่งทำให้ Search Engine ต่างๆนำเวปไซด์ของเราไป index นั่นเอง
5.1 แหล่งบริการรับ Submit สามารถดูข้อมูลได้ที่บทความ >> การ Submit blog กับ Social Bookmark 
5.2 ทุกครั้งที่เขียนบทความให้นำบทความไป Submit ทุกครั้ง
5.3 ควร Submit ให้ต่างเว็บกันจะได้ผลดีกว่า Submit อยู่ที่เดียวหลาย ๆ บทความ
5.4 ควรเลือก Submit กับ Social Bookmark หรือ Pligg ที่มีคะแนน PR สูง ๆ
และให้ backlink แบบ Dofollow   
ขั้นที่ 6 เช็คว่าเวปไซด์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทยถูก index ไปแล้ว
6.1 ไปที่ Google.com หรือ Google.co.th ก็ได้แล้วพิมพ์ข้อความด้านล่างนี้ในช่องค้นหา
site:ชื่อเวปไซต์ของคุณ  เช่น site:www.KarnRadomToon.com
ซึ่งถ้าพบผลลัพธ์บ้างแล้วก็แปลว่า index ไปแล้ว  แต่!! การที่ index ไปแล้วไม่ได้แปลว่าผลการค้นหาจะดีหรือค้นเจอได้ง่าย อันดับในการ index จากการค้นหาด้วย Keyword ที่คุณต้องการอาจจะยังอยู่ในลำดับที่ 100,000 จาก 300,000 ก็ได้  ต้องเช็คอย่างต่อเนื่อง
6.2 วิธีตรวจว่าเวปไซด์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทยถูก index ใน keyword ที่ต้องการหรือยัง  ทำได้โดย ไปที่ Google.com หรือ Google.co.th ก็ได้แล้วพิมพ์ข้อความด้านล่างนี้ในช่องค้นหา
Keyword site:ชื่อเวปไซต์ของคุณ  เช่น keyword site: www.KarnRadomToon.com
ถ้าพบผลลัพธ์บ้างแล้วแสดงว่าเวปไซต์ของคุณถูก index ใน keyword ที่ต้องการแล้ว แต่อันดับอาจจะยังไม่ดี
6.3 ถ้าไม่พบผลลัพธ์จากการทำใน 6.2 ทำอย่างไร
ถ้ายังไม่ผลลัพธ์จากการทำใน 6.2 แปลว่าเวปไซต์คุณยังไม่ถูก index
ให้เขียนบทความวันละ 1-2 บทความแล้วนำบทความไป Submit กับ Social Bookmark และ Pligg
ตามที่ได้แนะนำไว้อย่างสม่ำเสมอ โดยการเขียนบทความควรเน้น keyword ตามที่ได้กล่าวไว้ในขั้นที่ 4
6.4 พยายามเช็คผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงว่า index เพิ่มขึ้นหรือไม่ อันดับในการ index ดีขึ้นหรือไม่
6.5 ขอแนะนำให้คุณเน้น keyword หลักในช่วงแรก ๆ 3-4 keyword เท่านั้น เพราะทำคราวเดียวหลาย ๆ คำอาจจะไม่ได้ผลดีเลยสักคำเดียว ซึ่งถ้า keyword  ที่ต้องการติดหน้าแรกของ google แล้วก็หันมาดัน keyword คำอื่น ๆ โดยทำซ้ำขั้นตอนเดิม
ขั้นที่ 7 ทำ Sitemap ให้เวปไซต์
การทำ site map ให้เวปไซต์เหมือนกับการส่งโครงสร้างให้ Search engine รู้จัก
แล้วเข้ามาเก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น ซึ่งควรทำหลังจากเขียนบทความคุณภาพ
(เป็นบทความสดใหม่มีคุณภาพเนื้อหาไม่ซ้ำกับใครเลยยิ่งดี และมีความ density ด้วย) สัก5บทความ
และควรนำบทความไป Submit ตามที่ต่างๆ สำหรับวิธีส่ง Sitemap ให้ Search Engine ให้ทำตามลำดับขั้นตอนดังนี้
7.1 ให้ Submit Sitemap กับ Yahoo ,Bing ,Ask ,Alexa และที่อื่น ๆ ถ้ารู้จักในทันทีที่ปรับแต่ง Onpage และเสร็จสิ้นแล้ว 
7.2 ให้ Submit Sitemap กับ Google เมื่อมีบทความที่เน้นคุณภาพอย่างน้อย ๆ 5บทความ
เพราะเมื่อนำไป Submit เราก็จะถูกประเมินให้มีคุณภาพสูง ยิ่งถ้าปรับแต่ง Onpage ได้ถูกหลักแล้ว
ภายหลังจาก Approve (ด้วยคน) แล้วอันดับจะขึ้นมาได้สูงมาก และจะเหนื่อยทำ SEO ได้ไม่ยาก
ขั้นที่ 8 ติดตั้งตัวนับสถิติในเวปไซต์
หัวใจของการทำ SEO ที่สำคัญอันหนึ่งคือการเฝ้าสังเกต ซึ่งสำหรับเวปไซด์รุ่นใหม่ ๆ โดยใช้เครื่องมือในการนับสถิติจาก Google Analysisทำให้คุณสามารถรู้ว่ามีคนเข้าชมเวบไซด์ www.KarnRadomToon.com
กี่คน มาจากที่ใดบ้าง ใช้เวลากี่นาทีบนเวบไซด์ หน้าใดถูกเปิดอ่านมากที่สุด คำค้นใดถูกค้นมายังเวปไซด์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทยมากที่สุด  แนวทางการใช้เครื่องมือนี้คือ พยายามเข้ามาดูสถิติบ่อย ๆ เพื่อดูว่าบทความใดได้รับความสนใจมาก และคำค้นใดถูกค้นมาหาเวปไซต์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทยของเรามาก รวมทั้งควรจะดูรายละเอียดอื่น ๆ ด้วยเช่น
คนเข้าเวปไซต์เรามาจากที่ใด มาจากชาติใด เป็นต้น
ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตจะนำเอามาพัฒนาการทำ SEO เวปไซด์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทยของเราได้เป็นอย่างดี การใช้บริการการนับสถิติตด้วยโค้ดของ Google Analytic บนเว็บไซด์ซึ่งสามารถใช้งานได้ที่ >> http://www.google.com/analytics

ขั้นที่ 9 เพิ่ม backlink ให้กับเวปไซต์นอกจากการสร้าง backlink จากการ Submit เวปไซต์กับ Social Bookmark หรือ Pligg แล้ว ยังมีวิธีอื่นที่น่าสนใจและควรทำดังนี้

9.1 สมัครเป็นสมาชิกเว็บบอร์ดหรือ Forum และศึกษากฎระเบียบของเขาให้ชัดเจนว่ากติกาเป็นอย่างไร
จากนั้นให้ใส่ URL บล็อกของคุณใน Profile ใส่ลิงค์ในลายเซ็นใน forum (ควรใส่แบบ anchor text)
โปรโมทลิงค์ในส่วนที่อนุญาตให้โปรโมทได้ และตอบกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวบนเวบไซด์
9.2  ไป Comment ในเว็บไซต์ดัง ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณเขียน แต่อย่า spam ในเว็บคนอื่น
และอย่าวางลิงค์เวบไซด์ของตัวเองอย่างเดียว
9.3 ไปเข้าร่วมกับ Blog Directory 
9.4 ใช้ twitter โดย ทุกครั้งที่เขียนบทความให้ tweet และใส่ URL ของบทความ + Hashtag ที่เป็น keyword ของเว็บไซด์ทุกครั้งที่เขียนบทความ 
9.5 .ใช้งาน http://identi.ca โดย Login ด้วย Twitter id และ
ถ้าทำได้ตาม 9.1 –9.5 จะได้ backlink มาเพิ่มอีกมาก
ขั้นที่ 10 ใช้ Social Network ในการโปรโมท และเพิ่ม Traffic ให้เวปไซด์
10.1 สมัครใช้งาน facebook แล้วทำการ update ข้อมูลส่วนตัวและโปรโมทเวบไซด์เพื่อเพิ่ม Traffic 
เช่น  www.facebook.com/KarnRadomToon.Com
10.2 สมัครใช้งาน MySpace ,Twitter IG และใช้โปรโมทคล้าย ๆ กับ 9.1
ขั้นที่ 11 เพิ่มคุณภาพเนื้อหาในเวบไซด์

            การทำ SEO ให้ความสำคัญกับเรื่อง Link ก็จริง แต่อย่างไรก็ตามเนื้อหาในเวบไซด์นั้นถือว่าสำคัญที่สุด ถ้าคนเข้ามาพบเวบไซด์มาก ๆ แต่เนื้อหาในเวบไซด์ไม่น่าสนใจหรือไม่แตกต่างจากที่อื่น ๆ เลย
ก็คงจะยากที่เขาจะกลับมาอีก ดังนั้นต้องเขียนเนื้อหาที่เจาะลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากกว่าจะเขียนตามกระแส

ขั้นที่ 12 การเพิ่มเนื้อหาในออนไลน์
            เช่น Youtube.Com ซึ่งเน้นเกี่ยวกับโปรเจคที่กำลังระดมทุน โปรเจคที่สำเร็จแล้ว การสัมภาษณ์เจ้าของโปรเจค ผู้ให้การสนับสนุน เพื่อให้ ผู้ชมได้เข้ายังเว็บไซด์จากช่องทาง Youtube  

ขั้นที่ 12 สร้าง backlink ที่แข็งแกร่ง
            ปัจจุบันมีวิธีการสร้าง Backlink ที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้ผลมากกว่า backlink แบบปกติหลายเท่า
มีความยืดหยุ่นสามารถดัดแปลงได้หลากหลายรูปแบบ เรียก Backlink ชนิดนี้ว่า Link Wheel  ซึ่งเป็นรูปแบบการทำ Backlink ที่ดี
ขั้นที่ 13 การศึกษาคู่แข่ง
            โดยใช้ Google Keyword Tools External ในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดก่อน
หลังจากนั้นก็ใช้ Keyword Trends ใน Truehits เพื่อช่วยดูข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเหมาะกับเว็บภาษาไทย เมื่อ ได้คีย์เวิร์ดแล้ว ก็ใช้ Google ค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นๆ แล้วดูว่า มีเว็บไหนเป็นคู่แข่งบ้าง เขาทำ SEO หรือไม่ (สังเกตได้ง่ายๆ ว่าเขามีการปรับแต่ง Title, Keyword, Description หรือไม่ โดยการเปิดเว็บเขาแล้ว View Source ดูก่อน)
ข้อห้ามสำหรับ SEO Young Thailand Start Up : เว็บไซน์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย
1.Backlink จำนวนมหาศาล ภายในเวลาอันรวดเร็ว
            การทำBacklink นั้นมีประโยชน์ต่อเว็บไซด์ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เว็บไซต์มีค่า ranking สูงขึ้น แต่หากเราเพิ่มแบคลิงค์จำนวนมาก ภายในเวลารวดเร็วนั้นจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ของเราโดยตรง
เพราะ google จะมองว่าเว็บไซต์นั้นเป็น spam ไม่ว่าเราจะหา Backlink มาด้วยวิธีใดก็ตาม โดยเฉพาะการใช้เครื่องมืออัดๆ Backlink ซึ่งท้ายที่สุดสุด ท้ายเว็บไซต์เว็บไซน์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทยก็จะร่วงจากอันดับกูเกิลโดยไม่สามารถกลับคืนมาได้อีก ดังนั้นการมี Backlink เยอะมีข้อดี แต่ควรจะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างเป็น step และมีคุณภาพโดยต้องอาศัยการฝากเว็บไซด์ตามแหล่งที่ให้ฝากได้โดยค่อยๆทะยอยเพิ่ม
2.การอัด Keyword มากเกินความจำเป็น
            Keyword คือคำที่ผู้คนใช้ค้น google เช่นคำว่า ระดมทุน หรือการบริจาค ถ้าเว็บไซต์ไหนที่มี keyword นี้อย่างแน่นหนา ก็จะถูกจัดอันดับให้อยู่อันดับต้นๆ ของ google นั่นเอง แต่ถ้าหากใส่ keyword เข้าไปในเว็บไซด์ให้มากที่สุด หารู้ไม่ว่ามันทำให้เว็บไซด์อ่อนด้อยลงไปในทันที ดังนั้นเลือกเจาะจงเฉพาะ keyword ที่สำคัญจริงๆและจำกัดจำนวนเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
3.การ spin บทความ (ควรทำแบบมีเทคนิค)
            การสปินบทความ คือการนำบทความ 1 บท มาใส่เครื่องหมายปีกกาแล้วใช้เครื่องมือคัดแยก แตกบทความออกเป็นหลายๆบทความ โดยสุ่มใช้คำที่อยู่ในเครื่องหมายปีกกานั่นเอง ซึ่งส่วนมากจะใช้วิธีนี้กันมาก เพราะรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในกรณีที่เราต้องการบทความ จำนวนมาก แต่สำหรับเว็บไซด์เว็บไซน์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย บทความนั้นเน้นให้น่าเชื่อถือซึ่งการที่บทความไม่ได้คุณภาพจะทำให้คนอ่าน อ่านไม่รู้เรื่อง บทความไม่ ผลทำ SEO การทำอันดับ ไม่ดี เว็บไซด์ขาดความน่าเชื่อถือ จึงไม่ควรทำจำนวนมากเกินไปและสม่ำเสมอควรทำสลับกับบทความคุณภาพซึ่งอาจจะเป็นบทความเกี่ยวกับโปรเจ็คที่สำเร็จแล้ว หรือระหว่างดำเนินการโดยทยอยใส่ เพิ่มในเว็บไซด์วันหนึ่งไม่ควรเกิน 5 ลิงค์สำหรับบทความคุณภาพ
4.พยายามโกง Goolge
            อย่าพยายามโกง Google ทุกวิธีเพราะสุดท้าย Google ก็จะรู้และผลเสียที่ตามมาคือ การโดนแบนทำให้เสียอันดับและอินเด็กซ์ในกูเกิล
5.มี link เข้าไม่ได้หรือเสีย
            การมีลิงค์เสียมาก ๆ ในเว็บไซต์เข้าไม่ได้จะทำให้ Google มองเว็บไซต์เราไม่มีคุณภาพและผู้ใช้ก็จะเสียอารมส์เมื่อเปิดเว็บไซต์ของเรามาแล้วเข้าไม่ได้ ต้องหมั่นตรวจสอบเว็บไซต์อยู่เสมอ
6. ใช้ Hosting คุณภาพต่ำหรือใช้ร่วมกับเว็บ 18 +
            Goolgle เองไม่สนับสนุนเว็บไซต์ประเภท 18+ และเว็บไซต์การพนันต่าง ๆ อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วหากเรามีการเช่า Shared hosting จากผู้ให้บริการที่รองรับการเปิดเว็บไซต์ประเภทนี้แม้เราจะทำเว็บไซต์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย ก็ตามเราจะถูกเหมาว่าเว็บไซต์เราอยู่ในประเภทเดียวกัน ผลเสียทำ SEO ดันอันดับยากและโดนแบนได้ง่ายมาก ๆ  รวมถึงการใช่ hosting ราคาถูกคุณภาพต่ำล่มบ่อย ๆ เดี๋ยวเข้าได้บ้างไม่ได้บ้างโหลดข้อมูลช้า เราจะถูกลดอันดับคุณภาพเว็บไซต์ลงเพราะเราไม่รู้ว่า Google บอทจะเข้ามาตอนไหน หากมันมาแล้วมันเข้าเว็บไซต์เราไม่ได้เพราะ hosting เกิดล่ม มันก็จะส่งข้อมูลไปว่าเว็บไซต์เราไม่มีคุณภาพผลเสียคือทำ SEO ได้ยากและเราเองก็ขาดโอกาสทางการทำธุรกิจจากลูกค้าเราในการระดมทุน
7.มี Backlink เข้ามามากผิดสังเกตุ
            การสร้าง backlink คราวล่ะมาก ๆ ในเวลาอันสั้นไม่เป็นธรรมชาติ เช่น การซื้อ backlink โพสเว็บบอร์ดจำนวนมากการทำ Spam backlink และอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ถูกกูเกิลตรวจสอบเจอและลดลำดับความน่าเชื่อถือของเว็บไซด์ซึ่งสำคัญมาก


8. Copy เนื้อหาเว็บไซต์ชาวบ้านมา
            การทำตัวเป็นโจรชอบขโมยบทความ Copy จากที่อื่นมาแล้วเอาลงเว็บไซต์เลยเราจะโดนแบนจาก Google อัลกอริทึ่มใหม่ของ Google เพื่อการคัดกรองเนื้อหาคุณภาพสดใหม่ และน่าเชื่อถือซึ่งเว็บไซด์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย ต้องการความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูง
9.ทำ Cloaking
            การเขียน Code หลอกบอทของ Google ให้เข้าใจว่าเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อมีคนเปิดหน้าเว็บมาจะเป็นอีกเรื่อง ซึ่งหากกูเกิลตรวจเจอจะถูกแบนหรือลดอันดับเว็บทันที
10.ใช้โปรแกรมช่วยทำ SEO
            การหาทางลัดทำ SEO โดยการเช่าหรือซื้อโปรแกรมช่วยทำ SEO ที่มีการลงโฆษณาขายกันบนอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะเว็บไซด์ต่างประเทศไม่แนะนำ เพราะจะไม่เป็นธรรมชาติ  
11.ทำ Redirects
            การทำ 301 Redirect  เพจที่ Google แนะนำ ก็คือ Google นั้นให้เป็นตัวช่วยสำหรับกรณีที่เรามีการย้ายที่อยู่ของเว็บเพจของเราหรือ การเปลี่ยนชื่อโดเมน ข้อดีคือ ค่าต่าง ๆ รวมถึง backlink จะถูกส่งมาให้เว็บไซต์ใหม่ของเราทั้งหมดหากทำเท่าที่จำเป็น ก็จะมีผลดีด้าน SEO แต่ที่ห้ามเพราะมีนักทำ SEO สายเทาทำ 301 Redirect จากหลาย ๆ เว็บไซต์ที่มีค่า PA-DA สูงกลับมาเว็บเป้าหมายซึ่งเทคนิคการได้มาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ผลคือถูก Google มองว่าเราพยายามทำ SEO แบบผิดธรรมชาติและจะถูกจับตารวมถึงโดนลดอันดับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ลง
            ซึ่งสิ่งต่างๆที่กล่าวมาแล้วเป็นแนวทางการทำ SEO สำหรับ
Young Thailand Start Up : เว็บไซน์สำหรับระดมทุนเพื่อสนับสนุนสินค้าของเยาวชนไทย


1 ความคิดเห็น:

  1. รับทำ SEO สายดำ รับทำ SEO รับโปรโมทเว็บไซต์ ทํา seo ราคาถูก บริการโปรโมทเว็บไซต์ โปรโมท Facebook โฆษณา Facebook รับทำ SEO สายดำ รับทำ SEO สายเทา รับจ้างทำ SEO จ้างทำ SEO สายดำ จ้างทำ SEO สายเทา บริการ SEO สายดำ บริการ SEO สายเทา รับทำ Keyword สายดำ รับทำ Keyword สายเทา บริการแบนเนอร์ รับวางแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ backlink แบนเนอร์ เว็บแบนเนอร์
    รับทำ seo สายเทา

    ตอบลบ